วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เลือกกาแฟอย่างไรให้ถูกใจผู้ดื่ม : พิจารณาจากชนิดและสายพันธุ์ของกาแฟ ตอนที่ 1


กาแฟนั้นเพาะปลูกได้ดีเฉพาะในพื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตรที่เรียกกันว่า Coffee belt เป็นพืชที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีตำนวนเรื่องเล่ามากมาย พืชสกุลกาแฟนั้นมีหลายชนิด (Species) เช่น อราบิก้า (Arabica) โรบัสต้า (Robusta) ลิเบอริก้า (Liberica) เอ๊กเซลซ่า (Excelsa) เป็นต้น แต่ละชนิดก็แตกสายพันธุ์ออกมามากมาย รวมถึงมีการผสมข้ามสายพันธุ์ด้วย อย่างเช่น ทิปปิก้า (Typica) เบอร์บอน (Bourbon) บลูเมาเท่น (Blue Mountain) คาทูรา (Caturra) โคน่า (Kona) เค้นท์ (Kent) เค 7 (K7) แคททูร่า (Caturra) มอนโดโนโว (Mundo Novo) คาติมอร์ (Catimor) เป็นต้น แต่กาแฟที่สำคัญและปลูกเป็นการค้ามี 2 ชนิดหลักคือกาแฟชนิดอราบิก้าและชนิดโรบัสต้า ผลผลิตโดยรวมของโลกนั้นเป็นชนิดอราบิก้าประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และชนิดโรบัสต้าประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
ประเทศไทยนั้นก็มีการเพาะปลูกกาแฟทั้ง 2 ชนิด คือ โรบัสต้าและอราบิก้า นับเป็นสัดส่วนประมาณ 90:10 เปอร์เซ็นต์ ดังนี้
- กาแฟชนิดอราบิก้า (Arabica : Coffea arabica) ปลูกบนพื้นที่สูงทางภาคเหนือของไทย (สูงจากระดับน้ำทะเล 1,800 ฟุต – 6,300 ฟุต หรือความสูง 548 เมตร – 1,920 เมตรจากระดับน้ำทะเล) เพราะอราบิก้านั้นจะเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิที่เหมาะสม 12- 21 องศาเซลเซียส ผลผลิตกาแฟอราบิก้าในภาคเหนือในแต่ละปีมีประมาณ 3,500 – 4,000 ตันต่อปี อราบิก้านั้นมีความโดดเด่นในเรื่องของกลิ่นและรสชาติที่นุ่มลิ้น และกลมกล่อม มีความเป็นกรดสูง เมล็ดอราบิก้านั้นมีคุณภาพที่ดี ด้วยกลิ่นที่หอมจรูงใจนี้จึงนิยมนำไปทำเป็นกาแฟคั่วบดและชงเป็นกาแฟสด (Brewed coffee)
ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้นะคะ ในตอนหน้าเรามาต่อกันด้วย กาแฟชนิดโรบัสต้าว่ามีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างไรบ้างค่ะ
Cr.เทรนเนอร์เกียว
พบกับหลากหลายบทความดี ๆ จากประสบการณ์ความรู้และทักษะของเหล่า เทรนเนอร์ ฮิลล์คอฟฟ์ ได้ที่นี่ www.facebook.com/ilovehillkoff และ www.hillkoff.com และ http://ilovehillkoff.blogspot.com/ ในบทความดี ๆ ตอนต่อไปนะคะ